ส่วนแผนการตลาดปี 2553 บริษัทจะมุ่งเน้นการทำตลาดแบบเจาะกลุ่ม และจะมุ่งตลาดเอ็นเตอร์เทนเมนท์มากขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานระบบ 3 จี ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์พกพาดูหนัง ฟังเพลง จากอุปกรณ์เหล่านี้ได้สะดวก และเน้นทำซีอาร์เอ็มจากฐานลูกค้าปัจจุบันให้เกิดความประทับใจ เพื่อให้เกิดการซื้อทดแทนตัวเก่า และใช้สื่อดิจิทัลมากขึ้น
บริษัทคาดว่าปี 2553 จะมียอดขายรวมประมาณ 4 แสนเครื่อง เป็นเงินรวม 400-500 ล้านบาท โดยหวังว่าหูฟังบลูทูธสเตอริโอ จะเป็นแม่เหล็กเพิ่มมูลค่าตลาดโดยรวมให้สูงขึ้น
ขณะที่ปี 2552 เผชิญการหดตัวลงของตลาดหูฟังบลูทูธประมาณ 35-40% จากปี 2551 ที่มีกฎหมายห้ามการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ทำให้มีผู้บริโภคซื้อหูฟังบลูทูธไป มากแล้ว ตรงกับเทรนด์ของทุกประเทศทั่วโลกที่หลังจากที่กฎหมายออก 1-2 ปียอดขายจะลดลง ผนวกกับยอดขายโทรศัพท์มือถือในประเทศมีแนวโน้มลดลงตามสภาพเศรษฐกิจเหลือ 8.6-9 ล้านเครื่อง จาก 9.5 ล้านเครื่องปีก่อน แต่ปี 2553 แนวโน้มความต้องการจะกลับเข้าสู่ระดับปกติ และจะเหลือผู้ประกอบการน้อยลงตามสภาพเศรษฐกิจและยอดขายที่ลดลง จึงมั่นใจว่าบริษัทจะมีส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้น
ล่าสุดบริษัทนำหูฟังบลูทูธที่เน้นดีไซน์ทันสมัยเข้าทำตลาดท้ายปี 2552 ประกอบด้วย "Jabra Stone" ที่ปฏิวัติการออกแบบหูฟังบลูทูธ รูปทรงสวยงาม เล็กกระชับ มีความโค้งเว้าที่เข้ากับรูปกับใบหู ตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ควบคุมระดับเสียงด้วยระบบสัมผัส ราคา 4,290 บาท เจาะคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง คาดว่าจะจำหน่ายได้ 500-700 ยูนิตต่อเดือน อีก 2 รุ่น คือ รุ่น Jabra Arrow ราคา 2,590 บาท และ Jabra Cruiser 4,200 บาท เจาะกลุ่มผู้ขับขี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น